Search
Back to All Blog Posts

ไขข้อข้องใจเรื่องฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่ทุกคนควรรู้!

ไขข้อข้องใจเรื่องฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่ทุกคนควรรู้!

🌡️ ร้อนขนาดนี้ นั่งรถทีไรนึกว่าเข้าเตาอบ! รถจอดตากแดดเปรี้ยงๆ ของเมืองไทย บรรยากาศภายในรถไม่ต่างอะไรจากเตาอบเคลื่อนที่ แม้จะเปิดแอร์แรงแค่ไหนก็ยังรู้สึกร้อนระอุอยู่ดี ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการติดตั้ง "ฟิล์มกรองแสงรถยนต์" ที่มีคุณภาพ แต่การจะเลือกฟิล์มให้ถูกใจและใช้งานได้ดีนั้นก็มีเรื่องที่ต้องรู้กันก่อน วันนี้เราจึงรวบรวม 3 คำถามยอดฮิตมาไขข้อข้องใจเรื่องฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่ทุกคนควรรู้! ☀️🚗


1. ทำไมฟิล์มถึงพองเป็นฟองอากาศ หลังติดตั้งไปสักพัก?
ปัญหาฟิล์มพอง บวม หรือเกิดฟองอากาศ ถือเป็นฝันร้ายของผู้ใช้รถ เพราะนอกจากจะดูไม่สวยงามแล้ว ยังบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่อีกด้วย สาเหตุหลักๆ มาจาก 3 ปัจจัยครับ
- คุณภาพของฟิล์ม: ฟิล์มราคาถูกหรือไม่มีคุณภาพมักใช้กาวเกรดต่ำ เมื่อโดนความร้อนสะสมเป็นเวลานาน กาวจะเสื่อมสภาพและสูญเสียการยึดเกาะ ทำให้เกิดฟองอากาศขึ้น
- การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน: ความชำนาญของช่างเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากทำความสะอาดกระจกไม่ดีพอ หรือไล่อากาศออกไม่หมดตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้ง ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
- อายุการใช้งาน: ฟิล์มทุกชนิดมีอายุการใช้งาน เมื่อกาวและเนื้อฟิล์มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา การพองก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้
ทางแก้ที่ดีที่สุด: หากฟิล์มเริ่มพองแล้ว การซ่อมแซมเฉพาะจุดมักไม่คุ้มค่าและไม่สวยงามเหมือนเดิม การลอกของเก่าออกแล้วติดตั้งฟิล์มใหม่ที่มีคุณภาพ คือทางออกที่ยั่งยืนที่สุดครับ

2. ฟิล์มกรองแสงอยู่ได้นานแค่ไหน ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
อายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสงขึ้นอยู่กับคุณภาพและเกรดของฟิล์มโดยตรง
- ฟิล์มกรองแสงทั่วไป: มีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี
- ฟิล์มกรองแสงเกรดพรีเมียม: ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า ทำให้อยู่ทนได้ยาวนานถึง 7-10 ปี
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน? สังเกตง่ายๆ จากสัญญาณเหล่านี้ได้เลยครับ: สีฟิล์มเริ่มซีดจางหรือเปลี่ยนเป็นสีม่วง, มีฟองอากาศปรากฏขึ้น, รู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนเคย หรือรู้สึกร้อนกว่าปกติเมื่อขับรถกลางแดด หากมีอาการเหล่านี้ ก็เตรียมตัวเปลี่ยนฟิล์มใหม่ได้เลย

3. เลือกฟิล์มอย่างไรให้เหมาะกับเมืองไทยที่ร้อนตลอดปี?
การเลือกฟิล์มให้ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย ควรพิจารณาจากคุณสมบัติเหล่านี้เป็นหลัก
- ค่าการป้องกันความร้อนสูง: มองหาฟิล์มที่มีค่า IRR (การป้องกันรังสีอินฟราเรด) สูงกว่า 60% และค่า TSER (การลดความร้อนรวม) สูงกว่า 50% ยิ่งค่าสูง ก็ยิ่งกันร้อนได้ดี
- ความเข้มที่เหมาะสม: บานหน้าควรเลือกใช้ฟิล์มใสหรือความเข้มต่ำ เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนและปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนกระจกข้างและหลัง สามารถเลือกฟิล์มที่เข้มขึ้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและช่วยลดความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
- การป้องกันรังสี UV 99%: ฟิล์มที่ดีต้องสามารถป้องกันรังสี UV ได้เกือบ 100% เพื่อปกป้องผิวของคุณจากความหมองคล้ำและโรคมะเร็งผิวหนัง รวมถึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ เช่น คอนโซลและเบาะหนัง
- การรับประกันที่น่าเชื่อถือ: เลือกร้านและยี่ห้อฟิล์มที่มีการรับประกันคุณภาพสินค้าและการติดตั้งที่ชัดเจน เพื่อความอุ่นใจในการใช้งานระยะยาว

การลงทุนกับฟิล์มกรองแสงดีๆ สักครั้ง ไม่ใช่แค่การเพิ่มความเย็นสบาย แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของคุณและรถที่คุณรักอีกด้วย!


สนใจบริการ ทักไลน์สอบถามข้อมูลได้เลย

 

เพิ่มเพื่อน

 

G2C เปย์โปรคุ้ม ใครอยากรถสวย รีบช้อปเลย!

 

Comments
Write a Comment Close Comment Form